การเปลี่ยนผ่านนี้ส่งผลให้พลังงานทดแทนกลายเป็นพลังงานกระแสหลัก โดยมีการตั้งเป้าไว้ที่ 40% ของการใช้พลังงานขั้นสุดท้าย และไทยกลายเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่สำคัญ แต่ตลาดเหล่านี้ถูกครอบงำโดยกลุ่มทุนขนาดใหญ่ โดยเฉพาะจีน

นอกจากนี้แรงกดดันจากมาตรฐานสิ่งแวดล้อมสากลและพฤติกรรมผู้บริโภคในตลาดโลกก็เป็นปัจจัยเร่งสำคัญในการไปผลักดันประเทศไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผ่านนี้ก่อให้เกิดเศรษฐกิจสีเขียวหม่น เพราะกลุ่มทุนใหญ่กว้านซื้อที่ดินเพื่อทำโซลาร์ฟาร์ม ขณะที่การนำเทคโนโลยีขั้นสูง ระบบอัตโนมัติ และ AI มาใช้ แม้จะช่วยเพิ่มผลิตภาพแต่กลับจำกัดการสร้างงาน ทำให้เกิดการแบ่งขั้วของตลาดแรงงาน

การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลบนฐานแพลตฟอร์มยิ่งเสริมอำนาจผูกขาดแก่บริษัทขนาดใหญ่ จนนำไปสู่ "ทุนนิยมผูกขาดฐานดิจิทัล" และ "คณาธิปไตยสีเขียว" ที่แม้เศรษฐกิจจะดูเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แต่อำนาจและผลประโยชน์ยังคงกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มทุนและชนชั้นนำเดิม ส่งผลให้ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ สังคม และการศึกษา โดยเฉพาะการเติบโตของธุรกิจการศึกษาเอกชนที่เน้นตลาดต่างชาติและทักษะเฉพาะทาง ยังคงเป็นปัญหาสำคัญและอาจรุนแรงยิ่งขึ้น